วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สตาร์เทรค สงครามพิฆาตจักรวาล Star Trek : A Film by J.J. Abrams

สตาร์เทรค สงครามพิฆาตจักรวาล Star Trek : A Film by J.J. Abrams (อ่านฟรี e-book)
ระดับ 3 ดาว
สังคมจำลอง

เมื่อสมัยผมเด็กๆ ผมจะติดหนังทีวีมาก ดูทุกเรื่องที่มีฉาย หนังเรื่อง Star Trek ผมก็ดูทุกตอน แต่ไม่ชอบเลย เพราะตัวหนังดูเป็นหนังผู้ใหญ่ พูดกันทั้งเรื่อง มีแอ็คชั่นแค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่แย่คือรู้สึกว่าหนังไม่สนุก และดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่กระนั้นในอเมริกาก็เป็นหนังทีวีที่ดังมาก สร้างติดต่อกันหลายซีซัน มีแฟนพันธ์แท้อยู่กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า แทร็กกี้ ต่อมาเมื่อกระแสหนังอวกาศอย่าง Star Wars โกยเงินถล่มทลายเป็นบ้าเป็นหลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็มีการสร้างเป็นหนังโรงชื่อ Star Trek The Movie กำกับโดย โรเบิร์ท ไวส์ ออกมาฉาย ผมดูแล้วก็ไม่ชอบอีกนั่นแหละ เพราะหนังออกมาก็คล้ายๆหนังทีวีคือพูดมาก แอ็คชั่นน้อย Star Trek ทำเป็นหนังโรงออกมาอีกหลายตอน สนุกบ้างไม่สนุกบ้างจนถึงจุดอิ่มตัว ประกอบกับนักแสดงแต่ละคนก็แก่จนเล่นหนังกันแทบจะไม่ไหวแล้ว ทางเจ้าของลิขสิทธิ์หนังเลยสร้างหนังทีวี Star Trek The Next Generation ขึ้นมา สร้างทีมนักแสดงชุดใหม่ขึ้นมาทั้งหมด นักแสดงชุดเก่ารู้ตัวว่ากำลังถูกปลดระวาง ก็ออกมาประท้วงกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ หนังทีวี Star Trek The Next Generation ทำออกมาได้ไม่เลว สนุกดี ต่อมาก็ทำเป็นหนังโรงอยู่หลายตอน จนถึงจุดอิ่มตัว ก็เลิกสร้างไป

ล่าสุดมีหนังโรง Star Trek : A Film by J.J. Abrams ออกมา ตัว J.J. Abrams ถือเป็นลูกหม้อของวงการทีวีอเมริกัน จะเรียกว่าเป็นผู้กำกับหนังทีวีระดับอัจฉริยะยุคนี้ก็ได้ เพราะทำหนังออกมาแต่ก็เรื่องกลายเป็นหนังฮิตไปหมด การที่เขาขุดเอา Star Trek มาปัดฝุ่นสร้างใหม่จึงถือเป็นหนังที่น่าดูมากๆ

 หนังที่ออกมาก็ไม่น่าผิดหวังครับ ดีมากเลย ดีอย่างที่คิดไม่ถึง Star Trek ฉบับดั้งเดิมมีข้อเสียคือพูดกันเสีย 90 % มีแอ็คชั่นแค่ 10 % แต่ตัว J.J. Abrams ปรับฟอร์มหนังใหม่ คือคราวนี้ พูดกัน 50 แอ็คชั่น 50 เลยดูสนุกร่วมสมัยขึ้นมาเยอะ แต่ยังไม่ให้ 4 ดาวเพราะรู้สึกว่า เคยมีหนังแนวที่เอาหนังเก่ามาสร้างใหม่แล้วดีกว่านี้ ลงตัวกว่านี้

อย่างที่บอกไปแล้วตัวผมเองไม่เคยชอบหนังทีวี Star Trek ต้นฉบับเลย ซึ่งตัว J.J. Abrams ก็ดูเหมือนจะรู้ข้อบกพร่องของหนัง Star Trek ฉบับดั้งเดิมดี พอเอามาทำใหม่ ก็ปรับจุดด้อยหลายอย่างออก เติมจุดเด่นเข้าไป คราวนี้ทำให้ Star Trek กลายเป็นหนังที่น่าดูมากๆ เป็นการปรับลุกค์ของหนังให้ดูร่วมสมัยสุดๆ เท่าที่ฟอร์มของหนังมันจะอำนวยให้

ก่อนเขียนบท ดูออกเลยว่าทีมงานทำการบ้านมาอย่างดี หนังเก็บรายละเอียดของหนังทีวี Star Trek ฉบับดั้งเดิมได้ครบหมด หนังย้อนไปจับเอาเรื่องของกำเนิดกับตันเคิร์ก พ่อของกับตันที่เสียสละตัวเองเพื่อให้ลูกเรือรอดชีวิต ตัวกับตันเคิร์กกลายเป็นเด็กมีปัญหา กำเนิดสป็อคที่ก็เป็นเด็กที่มีปัญหาพอกัน เสือกับสิงห์มาเจอกันก็ต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเป็นธรรมดา การที่ตัวกับตันเคิร์กจะกลายมาเป็นผู้นำยานเอ็นเตอร์ไพร์ซได้ก็ต้องแสดงศัยภาพที่เหนือกว่าสป็อก เรียกว่าต้องสยบสป็อคให้อยู่หมัดจนสป็อคสยบยอมเสียก่อน ซึ่งตัวเคิร์กก็ทำได้เยี่ยม สมัยดูหนังทีวีต้นฉบับ ถึงแม้เราจะดูหนังไม่รู้เรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือ ตัวกับตันเคิร์กมีความเป็นผู้นำ หลายๆสถานการณ์ที่ลูกเรือยานเอ็นเตอร์ไพรซ์อยู่ในภาวะคับขัน กับตันเคิร์กก็แก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ง่ายดาย ด้วยบุคลิกที่ดูเงียบๆขรึมๆตามแบบผู้นำ บางครั้งกับตันเคิร์กก็เล่นตุกติก นอกกติกา หรือมีลูกบ้าชนิดที่นึกไม่ถึง ฉากแบบที่ว่านี้มีให้ดูในหนังโรงตอนไคล์แม็กของ Star Trek II : The Wrath of Kahn ลองไปหาดู มาฉบับนี้ หนังอธิบายว่า ตัวเคิร์กเป็นเ ด็กมีปัญหา ถึงได้มีลูกบ้าเยอะ กล้าตัดสินใจแบบบ้าบิ่นหรือเสี่ยงสุดๆ กล้าได้กล้าเสีย บางฉากเคิร์กลุยด้วยตัวเอง เสี่ยงชีวิตด้วยตัว เพราะเคิร์กไม่ใช่เอาแต่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างชี้นิ้วสั่งคนอื่น ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับของลูกเรือ และเพราะสามารถในการแก้ไขสถาณการคับขันที่เหนือกว่า เขาจึงได้เป็นผู้นำในที่สุด

ขณะที่เขียนบทความนี้ ตัวผมเองกำลังเรียนวิชาวาดเขียนพื้นฐานรอบเช้าอยู่ที่วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ก่อนหน้านี้ผมก็เรียนวิชาอื่นๆของวิทยาลัยนี้มาหลายวิชา ทุกวิชา ทุกเทอม มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดคือบรรดานักเรียนที่มาเรียนกันเต็มต้อง ทุกคนนิสัยไม่เหมือนกันเลย มีตั้งแต่นิสัยดีสุดจนแย่สุด เรียนเก่งสุดจนถึงเรียนไม่ได้เรื่องเลย ไม่มีใครดีพร้อมหรอกครับ ทุกคนขาดตกบกพร่องกันทั้งนั้น แต่แม้กระนั้น เมื่อเรียนๆกันไป ทุกคนก็รู้จักที่จะปรับตัวเข้าหากัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ประณีประนอมกัน เอาจุดดีของแต่ละคนมาช่วยเหลือกัน ส่วนที่บกพร่องก็พยายามอย่าเอาออกมาใช้ ทุกคนช่วยกันประคับประคองการเรียนให้ผ่านพ้นไปด้วยดี จนครบ 150 ชั่วโมงหรือประมาณ 2 เดือนครึ่งในแต่ละเทอม ซึ่งไอ้ภาพทั้งหมดที่ผมเห็นมานี่ มีอยู่ครบถ้วนในหนัง Star Trek ฉบับนี้

ตัวละครในยานเอ็นเตอร์ไพร้ซ์ไม่มีใครดีพร้อมหรอกครับ มีข้อบกพร่องกันบ้าง แต่ทุกคนก็เอาจุดเด่นหรือความสามารถเด่นๆที่ตัวเองมีแต่คนอื่นไม่มีมาใช้กันเต็มที่ บางตัวก็ใช้สามารถของตัวเองช่วยชีวิตเคิร์กเอาไว้ แต่การที่ตัวเคิร์กจะได้เป็นผู้นำ ก็เพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีความสามารถสูงสุดในการแก้ปัญหา และพาลูกเรือทุกคนผ่านพ้นวิกฤตไปได้

ดูหนังไปจนจบเลยรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่หนังที่ทำออกมาดูสนุกๆเท่านั้นหรอกครับ เป็นหนังที่สอนคนทั้งโลกเลยละมั้ง ว่าสังคมในอุดมคติมันควรจะเป็นอย่างไง การบริหารครอบครัวในบ้าน การบริหารงานในบริษัท หรือการบริหารประเทศสักประเทศหนึ่งมันควรจะเป็นอย่างไง หรือจะพูดกันให้ชัดๆคือมันควรจะเป็นอย่างในหนัง Star Trek ฉบับนี้นี่แหละ แม้กระนั้นก็ยังมีบางประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่บริหารแบบตรงข้ามกับหนัง Star Trek คือคนในประเทศนั้น เอาส่วนที่เลวที่สุดในตัวมาบริหารประเทศกัน กล่าวหากัน ด่าทอกันหยาบๆคายๆ ตั้งม็อบตั้งกลุ่มประท้วงกัน แบ่งสีแบ่งข้าง สาดโคลนใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ปิดถนน ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน โจมตีกัน ทำร้ายกัน ทำลายกัน เข่นฆ่ากันสารพัดรูปแบบ ทำกันอีแบบนี้ ประเทศมันจะพังเอาวันไหนก็ไม่รู้ คิดแล้วเศร้าใจจริงๆ

หยงฮ้ง แซ่เตียว
วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น